top of page

แผนการเรียนที่เปิดสอนและภาควิชาที่เปิดรับ

  ทางโรงเรียนได้เปิดการเรียนการสอนทั้งหมดสองรูปแบบโดยจะมีแบบแผนปกติ ที่จะต้องสมัคร สอบและจ่ายค่าเทอม และสำหรับเด็กที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือขาดโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา ที่เรียกว่าภาคพิเศษ โดยนักเรียนกลุ่มนี้จะมาจากการยื่นเรื่อง เพื่อคัดเลือกโดยคณะกรรมการ ว่าเป็นผู้เข้าข่ายสมควรได้รับสิทธิ์ในการช่วยเหลือ ไม่ว่าจะมองจากความยากจน จนทำให้มาสามารถได้เรียนต่อ

 

  โดยเด็กที่ได้รับอนุญาตให้เข้ารับการศึกษาในภาคพิเศษจะได้รับการช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายในการกินอยู่ เดือนละ 2,000 บาท และได้รับการละเว้นในการจ่ายค่าเทอม พร้อมทั้งได้รับชุดเครื่องแบบทุกชุดที่จำเป็นอย่างละ 1 ชุด และหนังสือเรียนฟรี อีกทั้งหากที่พักอยู่ไกลจากสถานศึกษา หรือปัจจุบันไม่สามารถหาที่พักได้ ทางโรงเรียนจะอนุญาตให้เข้าพักในหอนักเรียนฟรี (ตามข้อกำหนดหอพัก)

 

  นอกจากนี้ทางโรงเรียนจะมีการเปิดคาบเรียนพิเศษทุกวันในช่วงเวลา 16:00-17:00 น. ของทุกวัน เป็นคาบเรียนเกี่ยวกับอาชีพ และ ความรู้อื่นๆ นอกห้องเรียนที่จะมีครูอาสาภาคพิเศษ ที่จะได้รับค่าตอบแทนเบื้องต้นจากทางโรงเรียนมาคอยให้ความรู้และช่วยเหลือเล่าเด็กๆ ที่ด้อยโอกาสในการนำความรู้ประสบการณ์ตรงนี้ไปประกอบอาชีพหรือสร้างรายได้พิเศษให้กับตนเอง แต่ทั้งนี้่นักเรียนจะลงเรียนหรือไม่ก็ได้ 

 

 โดยนักเรียนที่เข้าเรียนในคาบพิเศษ จะมีการช่วยเหลือในการฝากฝังเข้าทำงานในพื้นที่หรือปรึกษาในการนำความรู้ประสบการณ์ไปก่อให้เกิดประโยชน์สร้างอาชีพและรายได้ของตัวเองอีกทั้งผลงานที่นักเรียนสร้างจากความรู้ในคาบเรียนพิเศษ เช่น ตระกร้าสาน ผลงานปั้น ทางโรงเรียนจะทำการรับซื้อหรือหาช่องทางในการขายให้กับนักเรียนเพื่อส่งรายได้ช่วยเหลือ ผู้เรียนเท่าที่จะสามารถทำได้

เพิ่มเติมเกี่ยวกับนักเรียนภาคพิเศษ การเป็นนักเรียนภาคพิเศษจะได้รับการสนับสนุนทุนตลอด 3 ปี หากไม่มีปัจจัยอื่นๆ ที่จะทำให้หลุดทุน เช่นการทำประพฤติตัวไม่ดี ทำให้สถานศึกษาเสื่อมเสียเป็นต้น แต่ทั้งนี้หากในระหว่างการศึกษา ผู้ที่อยู่ใต้ทุนโครงการมีสถานะภาพทางครอบครัวที่ดีขึ้นจนอยู่ในสถานะทั่วไป หรือสถานะค่อนข้างดี ผู้เรียนสามารถยื่นเรื่องออกจากทุนโครงการกลายเป็นนักเรียนภาคปกติได้ และในกรณีของนักเรียนภาคปกติที่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจนไม่สามารถศึกษาต่อได้ ก็สามารถยื่นเรื่องย้ายเข้านักเรียนภาคพิเศษ หากผ่านข้อกำหนดก็สามารถทำได้เหมือนกัน (แต่จะเป็นการปรับเปลี่ยนในปีการศึกษาต่อไป เช่น หากยื่นเรื่องออกทุนตอนม.2 ก็จะถูกปรับเป็นภาคปกติตอน ม.3 หรือ ถ้ายื่นเรื่องขอเข้าทุนนักเรียนภาคพิเศษตอน ม.4 ก็จะได้เข้าทุนภาคพิเศษตอน ม.5 เป็นต้น

    โดยจะมีรายชื่อวิชาที่สามารถเลือกเข้าเรียนในคาบพิเศษได้ดังนี้

วิชาภาคเน้นทฤษฏี

วิชาภาคเน้นปฏิบัติ

การจัดการการตลาดเบื้องต้น

(สอนเกี่ยวกับการทำการตลาด 

และการจัดการเบื้องต้นในการทำธุรกิจ)

เปิดสอนทุกวัน จ. พ. ศ.

คาบเรียนงานสาน 

(สอนเกี่ยวกับการสานต่างๆ เช่น การสานตระกร้า การสานหมวก การสานรองเท้า เป็นต้น)

เปิดสอนทุกวัน จ. พ. ศ.

หลักการจัดการท่องเที่ยวและความรู้เกี่ยวกับป่าไม้

(สอนเกี่ยวกับการจัดทริปท่องเที่ยวเบื้องต้น และความรู้ ข้อควรระวังเกี่ยวกับป่าไม้)

เปิดสอนทุกวัน อ. พฤ.

คาบเรียนการซ่อมรถเบื้องต้น

(สอนเกี่ยวกับการซ่อมรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ จักรยาน รวมถึงยานพาหนะทั่วไปเบื้องต้น)

เปิดสอนทุกวัน จ. พ. ศ.

หลักการจัดการลำดับความสำคัญ

(สอนเกี่ยวกับการจัดการเวลาการจัดลำดับความสำคัญรวมถึงหลักการบริหารเวลาให้มิประสิทธิภาพ (เลขา) )

เปิดสอนทุกวัน อ. พฤ.

คาบเรียนการต่อยมวยและการป้องกันตัว

(สอนเกี่ยวกับการใช้แม่ไม้มวยไทยเบื้องต้น เพื่อใช้ในการขึ้นชกท้าเงินรางวัล และเพื่อป้องกันตัว)

เปิดสอนทุกวัน อ. พฤ.

รอ ลูกมูสมัครเพิ่มเติม

รอ ลูกมูสมัครเพิ่มเติม

รอ ลูกมูสมัครเพิ่มเติม

รอ ลูกมูสมัครเพิ่มเติม

รอ ลูกมูสมัครเพิ่มเติม

รอ ลูกมูสมัครเพิ่มเติม

ทีมงานจะเพิ่มรายวิชา ที่ลูกมูตัวละครคุณครูภาคพิเศษสอนอื่นๆ ในภายหลัง

   *หมายเหตุ* สำหรับผู้สนใจที่จะลงครูภาคพิเศษสามารถเลือกวิชาที่สนใจสอนได้ ซึ่งจะเลือกวิชาที่มีในตารางอยู่แล้วหรือคิดเลือกวิชาขึ้นมาใหม่ตามความถนัดของตัวละครได้เลย หากเลือกที่มีอยู่แล้วสามารถเลือกได้โดยไม่ต้องสนใจว่าจะซ้ำ หากซ้ำจะถือว่าสอนวิชาเดียวกัน แต่แบ่งกลุ่มกันสอน หรือสลับกันในบางวันหากไม่ว่างตกลงกันได้เลย

   สำหรับนักเรียน สามารถลงเรียนได้มากสุด 2 วิชา โดยจะต้องเป็นวิชาที่มีการสอนไม่ทับวันกันจึงจะสามารถลงพร้อมกันได้

boy-1822565_edited.jpg

ภาควิชาที่เปิดรับและค่าเทอม

ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น

ห้อง สามัญ เป็นสายการเรียนที่เน้นด้านวิชาการและวิชาพื้นฐานต่างๆ เป็นหลัก

สำหรับนักเรียนภาคปกติจำเป็นต้องจ่ายค่าเทอมและต้องซื้อเครื่องแบบกับหนังสือโดยท่าเทอมจะอยู่ที่ 1,830 บาท
ไม่รวมเครื่องแบบกับหนังสือ

ห้อง English Program เป็นสายการเรียนที่เน้นทางด้านภาษาอังกฤษเป็นหลัก โดยจะมีการเรียนควบคู่ไปกับรายวิชาพื้นฐานตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด

สำหรับนักเรียนภาคปกติจำเป็นต้องจ่ายค่าเทอมและต้องซื้อเครื่องแบบกับหนังสือโดยท่าเทอมจะอยู่ที่ 2,230 บาท
ไม่รวมเครื่องแบบกับหนังสือ

ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย

 

แผนการเรียนสายวิทย์ ได้แก่ ห้องวิทย์-คณิต และ ห้องวิทย์-กีฬา

ห้องวิทย์-คณิต เป็นสายการเรียนที่เน้นด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นหลัก โดยจะมีทั้งในด้านเคมี ฟิสิกส์ และชีววิทยาในกลุ่มวิทยาศาสตร์ ส่วนในกลุ่มคณิตศาสตร์จะมีวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานและคณิตศาสตร์เพิ่มเติม ประกอบการเรียนควบคู่ไปกับวิชาสามัญอื่นๆ ตามที่กำหนด

สำหรับนักเรียนภาคปกติจำเป็นต้องจ่ายค่าเทอมและต้องซื้อเครื่องแบบกับหนังสือโดยท่าเทอมจะอยู่ที่ 2,230 บาท
ไม่รวมเครื่องแบบกับหนังสือ

 

ห้องวิทย์-กีฬา เป็นสายการเรียนที่เน้นด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นหลัก โดยจะมีทั้งในด้านเคมี ฟิสิกส์ และชีววิทยาในกลุ่มวิทยาศาสตร์ ส่วนในกลุ่มกีฬาจะเน้นเรื่องของวิชาพลศึกษา สุขศึกษา ส่วนคณิตศาสตร์จะมีเพียงวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ประกอบการเรียนควบคู่ไปกับวิชาสามัญอื่นๆ ตามที่กำหนด

สำหรับนักเรียนภาคปกติจำเป็นต้องจ่ายค่าเทอมและต้องซื้อเครื่องแบบกับหนังสือโดยท่าเทอมจะอยู่ที่ 2,230 บาท
ไม่รวมเครื่องแบบกับหนังสือ

 

แผนการสายศิลป์-ภาษา ได้แก่ ห้องศิลป์-จีน และ ห้องศิลป์-ฝรั่งเศษ

ห้องศิลป์-จีน เป็นสายการเรียนที่จะเน้นไปทางด้านของภาษา กับภาษาที่สามที่เพิ่มเข้ามา โดยจะมีรายวิชาภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร และอักษรจีน ที่เน้นควบไประหว่างการพูดฟังสื่อสาร และการเขียนอ่าน รองลงมาก็จะเป็นวิชาภาษาอังกฤษ มีวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐานและคณิตศาสตร์พื้นฐาน ประกอบการเรียนควบคู่ไปกับวิชาสามัญอื่นๆ ตามที่กำหนด

สำหรับนักเรียนภาคปกติจำเป็นต้องจ่ายค่าเทอมและต้องซื้อเครื่องแบบกับหนังสือโดยท่าเทอมจะอยู่ที่ 2,430 บาท
ไม่รวมเครื่องแบบกับหนังสือ

 

ห้องศิลป์-ฝรั่งเศส เป็นสายการเรียนที่จะเน้นไปทางด้านของภาษา กับภาษาที่สามที่เพิ่มเข้ามา โดยจะมีรายวิชาภาษาฝรั่งเศสเพื่อการสื่อสาร และอักษรฝรั่งเศส ที่เน้นควบไประหว่างการพูดฟังสื่อสาร และการเขียนอ่าน รองลงมาก็จะเป็นวิชาภาษาอังกฤษ มีวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐานและคณิตศาสตร์พื้นฐาน ประกอบการเรียนควบคู่ไปกับวิชาสามัญอื่นๆ ตามที่กำหนด

 

สำหรับนักเรียนภาคปกติจำเป็นต้องจ่ายค่าเทอมและต้องซื้อเครื่องแบบกับหนังสือโดยท่าเทอมจะอยู่ที่ 2,430 บาท
ไม่รวมเครื่องแบบกับหนังสือ

 

แผนการเรียนสายศิลป์ ได้แก่ ห้องศิลป์สังคม และ ห้องศิลปะ

ห้องศิลป์สังคม เป็นสายการเรียนที่จะเน้นเรียน “วิชาสังคมศึกษา” เจาะลึกไปในหัวข้อต่างๆ ที่สำคัญในวิชานี้ เช่น การเมืองการปกครอง กฎหมาย ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เป็นต้น ประกอบการเรียนควบคู่ไปกับวิชาสามัญอื่นๆ ตามที่กำหนด

 

สำหรับนักเรียนภาคปกติจำเป็นต้องจ่ายค่าเทอมและต้องซื้อเครื่องแบบกับหนังสือโดยท่าเทอมจะอยู่ที่ 2,430 บาท
ไม่รวมเครื่องแบบกับหนังสือ

 

ห้องศิลป์ (ศิลปะ) เป็นสายการเรียนที่จะเน้นเรียน “วิชาศิลปะ” เจาะลึกไปในหัวข้อต่างๆ ที่สำคัญในวิชานี้ เช่น ทัศนศิลป์ องค์ประกอบศิลป์ วิจิตรศิลป์ เป็นต้น ประกอบการเรียนควบคู่ไปกับวิชาสามัญอื่นๆ ตามที่กำหนด

 

สำหรับนักเรียนภาคปกติจำเป็นต้องจ่ายค่าเทอมและต้องซื้อเครื่องแบบกับหนังสือโดยท่าเทอมจะอยู่ที่ 2,430 บาท
ไม่รวมเครื่องแบบกับหนังสือ

boy-1822565_edited.jpg

การเข้าศึกษาจะต้องผ่านเกณฑ์ ดังนี้

ภาคปกติ คือ การเข้าศึกษาต่อในระบบปกติ หรือก็คือมีค่าใช้จ่ายในการเข้าเรียน โดยจะต้องผ่านเกณฑ์ในการเข้ารับซึ่งจะมีทั้งหมดสองเกณฑ์ด้วยกันนั่นก็คือ โควต้าเด็กในเขตที่มีผลการเรียนดี และการสอบเข้า

 

โควต้าเด็กในเขต คือ เด็กนักเรียนที่มีทะเบียนบ้านอยู่ในเขตพื้นที่รอบๆ โรงเรียนที่มีผลการเรียนดี โดยจะต้องเป็นนักเรียนที่อยู่ในเขตพื้นที่ตำบลบ้านผือ ที่มีผลการเรียนสะสมในระดับชั้นก่อนหน้าอยู่ที่ 3.25 ขึ้นไป และต้องไม่มีประวัติการทำทัณฑ์บน โดนลงโทษจากโรงเรียนเดิม หรือ ประวัติอาชญากรรม และวุฒิการศึกษาศึกษาระดับชั้นก่อนหน้าจะต้องอนุมัติการจบการศึกษา ก่อนการเปิดรับสมัครขั้นต่ำ 45 วัน

 

การสอบเข้า คือ เด็กนักเรียนที่เข้าสมัครเรียนต่อด้วยการสอบเข้า ซึ่งจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ ผู้สมัครเข้าสอบจะต้องไม่มีประวัติอาชญากรรม และวุฒิการศึกษาศึกษาระดับชั้นก่อนหน้าจะต้องอนุมัติการจบการศึกษาก่อนการเปิดรับสมัครขั้นต่ำ 45 วัน จึงจะมีสิทธิ์ในการเข้าสมัครสอบ

ซึ่งการสอบจะเป็นการใช้คะแนนสอบ 5 วิชาหลัก ได้แก่ วิชาภาษาไทย วิชาภาษาอังกฤษ วิชาวิทยาศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์ และวิชาสังคมศึกษา ตามข้อสอบที่โรงเรียนเป็นผู้กำหนด ซึ่งจะต้องผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำของโรงเรียนอีกทั้งจะรับเข้าศึกษาต่อตามลำดับที่สอบได้ เป็นจำนวนตามที่เปิดรับในปีนั้นๆ

เกณฑ์คะแนนพื้นฐาน

วิชาภาษาไทย      ขั้นต่ำ 60 คะแนน  เต็ม 100 คะแนน

วิชาภาษาอังกฤษ  ขั้นต่ำ 50 คะแนน  เต็ม 100 คะแนน

วิชาวิทยาศาสตร์  ขั้นต่ำ 50 คะแนน  เต็ม 100 คะแนน

วิชาคณิตศาสตร์  ขั้นต่ำ 50 คะแนน  เต็ม 100 คะแนน

วิชาสังคมศึกษา   ขั้นต่ำ 40 คะแนน  เต็ม 100 คะแนน

หากคะแนนผ่านถึงเกณฑ์จะรับจากลำดับผลสอบตามจำนวนที่เปิดรับ เช่น หากปีนั้นรับนักเรียนผ่านการเข้าสอบ 50 คน ผู้ที่สอบได้ลำดับที่ 1-50 จะมีสิทธิ์เข้าเรียนต่อ

 

ภาคพิเศษ คือ เด็กที่เข้าศึกษาต่อในโครงการช่วยเหลือเด็กที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และขาดโอกาสในการเข้าศึกษาต่อด้วยปัจจัยต่างๆ โดยจะมีการคัดเลือกสองรูปแบบ คือการคัดเลือกทั่วไป กับใบรับรองจากครู

 

การคัดเลือกทั่วไป คือ ทางโรงเรียนจะทำการคัดเลือกเลือกจากผู้ที่ส่งเรื่องขอสิทธิ์ในการศึกษาต่อเข้ามา ซึ่งเมื่อได้รับเรื่องจะมีคณะกรรมการและทีมงานเพื่อตรวจสอบความเป็นจริง รวมถึงสภาพของผู้เรียนว่ามีคุณสมบัติที่จะเข้าศึกษาต่อหรือไม่ หากเข้าข่ายคณะกรรมการจะพิจารณาคัดเลือกกับผู้เข้าสมัครในปีนั้นๆ ว่าผู้ใดสมควรได้รับสิทธิ์ก่อน หรือขาดแคลนมากกว่ากัน

 

ใบรับรองจากครู คือ เด็กที่ได้รับใบรับรองจากคุณครูในสถานศึกษาโดยรอบและคุณครูในโรงเรียนพนาดรพิทยานุกูล ที่เซ็นรับรองความประพฤติและคุณสมบัติของผู้สมัครว่ามีคุณสมบัตรเข้าเรียนต่อ

 

หากเป็นใบรับรองจากสถานศึกษาโดยรอบ อื่นๆ จะสามารถรับจากครูแนะแนวประจำโรงเรียนได้ ซึ่งมีโควต้าโรงเรียนละ 2 ใบ และถ้าเป็นใบรับรองจากครูในโรงเรียนพนาดรพิทยานุกูล จะมีสิทธิ์ในการยืนให้เด็กที่พบเจอปีละ 1 ใบ ต่อคุณครูหนึ่งท่าน สำหรับเด็กนักเรียนที่ได้รับใบรับรองแล้วยื่นเรื่องสมัครเข้าศึกษาต่อทางทีมงานคณะกรรมการของโรงเรียนจะเข้าตรวจสอบในทันที หากมีคุณสมบัติเบื้องต้นว่าสมควรได้รับความช่วยเหลือเข้าเรียนต่อ จะถูกรับเข้าทันทีโดยไม่ต้องคัดเลือก

ซึ่งคุณสมบัติเบื้องต้นในการเข้าเรียนต่อในฐานะนักเรียนภาคพิเศษมีดังนี้

  • ผู้สมัครมีฐานะยากจนเกินกว่าจะส่งเสียตนเองเรียนได้ตามปกติ

  • ผู้สมัครไม่เคยมีประวัติการลงโทษจากโรงเรียนหรือประวัติอาชญากรรม

  • ผู้สมัครมีความประสงค์ที่จะเรียนต่อแต่ขาดแคลนโอกาสและการเข้าถึงการศึกษา เช่น ไม่มีโรงเรียนที่เปิดรองรับในระแวกแถวบ้านจึงยื่นเรื่องมาขอเข้าเรียนที่นี่ เป็นต้น

  • ผู้สมัครมีพฤติกรรมดี ไม่ทำร้าย ระราน หรือสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นรอบข้างหรือภายในชุมชน
    (ไม่นับเรื่องปากร้ายหรือติดนิสัยกวน)

  • ผู้สมัครขาดโอกาสในการเข้ารับการศึกษาด้วยปัจจัยอื่น เช่น การถูกทอดทิ้ง การเป็นเด็กกำพร้าที่ยากจน การถูกทารุณกรรมจนขาดโอกาสในการเข้าศึกษาตามปกติ เป็นต้น

bottom of page